เปิดตำนานเทศกาลไหว้บะจ่าง ไหว้ยังไง ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
บะจ่างไม่เพียงเป็นอาหารที่อร่อยและเก็บได้นาน แต่ยังมีความหมายทางวัฒนธรรมและเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับ เทศกาลไหว้บะจ่าง หรือ เทศกาลตวนอู่ (端午节, Dragon Boat Festival) วันไหว้บะจ่างจัดขึ้นทุกวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติ
เทศกาลวันไหว้บะจ่าง 2568 ตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคม 2568
หัวข้อ
บะจ่างคืออะไร
บะจ่าง (หรือบ๊ะจ่าง) คืออาหารจีนโบราณที่ทำจากข้าวเหนียวผสมกับไส้ต่าง ๆ เช่น หมู ไข่เค็ม ถั่วแดง ลูกบัว หรือเห็ดหอม ห่อด้วยใบไผ่หรือใบจาก มัดเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยม แล้วนำไปนึ่งหรือต้มจนสุก
คำว่า บะจ่าง มาจากภาษาจีน 粽子 (zòngzi) ในภาษาจีนกลาง หรือสำเนียงแต้จิ๋วที่เรียกว่า บ๊ะจ่าง ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีน
ประวัติเทศกาลไหว้บะจ่าง
เทศกาลไหว้บะจ่าง แม้ว่าจะมีข้อสันนิษฐานมากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเทศกาลนี้ แต่หนึ่งในเรื่องเล่าที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ เรื่องของ ชวีหยวน (屈原, Qu Yuan) กวีและขุนนางผู้รักชาติแห่งแคว้นฉู่ ย้อนกลับไปกว่า 2,000 ปีในสมัยจั้นกว๋อ (Warring States Period, 403-221 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ของจีน
ชวีหยวนเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ฉู่ไหวหวัง แต่ด้วยความซื่อตรง เขากลับถูกขุนนางคดโกงใส่ร้ายจนถูกเนรเทศ เมื่อแคว้นฉู่ล่มสลาย ชวีหยวนเสียใจอย่างมากและตัดสินใจกระโดดลงแม่น้ำมี่หลัว (Miluo River) เพื่อฆ่าตัวตายในวันที่ 5 เดือน 5 เพื่อประท้วงการคอร์รัปชันและแสดงความจงรักภักดีต่อชาติ
เมื่อชาวบ้านทราบข่าวการเสียชีวิตของชวีหยวน พวกเขาพายเรือออกไปตามแม่น้ำเพื่อค้นหาศพของเขา แต่ก็ไม่พบ และเพื่อป้องกันไม่ให้ปลามากินร่างของเขา ชาวบ้านจึงโยนข้าวลงในแม่น้ำ
ต่อมาชวีหยวนปรากฏในความฝันของชาวบ้าน บอกว่าอาหารถูกสัตว์น้ำกินหมด จึงแนะนำให้ห่อข้าวด้วยใบไผ่และมัดด้วยเชือกเพื่อป้องกัน หลังจากนั้นชวีหยวนก็ได้มาเข้าฝันชาวบ้านอีกว่า เวลาที่จะนำอาหารไปโยนลงแม่น้ำให้ตกแต่งเรือเป็นรูปมังกร เมื่อสัตว์น้ำทั้งหลายเห็นก็จะนึกว่าเป็นเครื่องเซ่นของพญามังกร จะได้ไม่กล้าเข้ามากิน
นี่จึงเป็นที่มาของการทำบะจ่างและการแข่งเรือมังกร ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลไหว้บะจ่าง
นอกจากนี้ นักวิชาการบางกลุ่มเชื่อว่าเทศกาลนี้อาจมีรากฐานจากพิธีกรรมโบราณของชาวไป่เยว่ (百越族) ที่บูชาเทพเจ้ามังกร โดยใช้เรือมังกรและอาหารห่อใบไม้เพื่อเซ่นไหว้ ซึ่งแสดงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมของเทศกาลนี้
เทศกาลไหว้บะจ่างได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) โดย UNESCO ในปี 2009 และเป็นเทศกาลแรกของจีนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รัฐบาลจีนยังกำหนดให้วันที่ 5 เดือน 5 เป็นวันหยุดราชการตั้งแต่ปี 2008 และเป็นวันกวีจีนเพื่อรำลึกถึงชวีหยวน
ความเชื่อเกี่ยวกับเทศกาลไหว้บะจ่าง
เทศกาลไหว้บะจ่างมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับความสมดุลของพลังหยินและหยาง วันที่ 5 เดือน 5 ถือเป็นวันที่มีพลังหยางสูง (เลขคี่และฤดูร้อน) ซึ่งอาจนำพลังร้อนหรือสิ่งชั่วร้ายมาได้ ชาวจีนจึงใช้เลขคู่ (หยิน) เช่น การไหว้บะจ่างเป็นคู่ (2, 4, 6, หรือ 8 ลูก) เพื่อสร้างสมดุล
ความเชื่ออื่น ๆ
- ป้องกันโรคระบาด: ในสมัยโบราณ วันที่ 5 เดือน 5 ถูกมองว่าเป็น วันร้าย ที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย บะจ่างที่ห่อด้วยใบไผ่ (มีสรรพคุณระบายความร้อน) จึงช่วยถนอมอาหารและเหมาะกับสภาพอากาศร้อนในช่วงเวลานี้เป็นอย่างดี
- ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ชาวจีนแขวนสมุนไพร เช่น ว่านน้ำ (ชางผู) และอ้ายเฮา ที่หน้าประตู หรือผูกด้าย 5 สี (เขียว, แดง, ขาว, ดำ, เหลือง) ที่ข้อมือเพื่อป้องกันโรคและนำโชคลาภ
- ความกตัญญู: เทศกาลนี้เป็นโอกาสที่ลูกหลานแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษและเทพเจ้า ผ่านการไหว้ด้วยบะจ่าง ผลไม้ และน้ำชา
การไหว้บะจ่าง วิธีและของไหว้
การไหว้บะจ่างมักจัดขึ้นในตอนเช้าของวันที่ 5 เดือน 5 เพื่อรำลึกถึงชวีหยวน บรรพบุรุษ และเทพเจ้า โดยทั่วไปจะไหว้ที่ศาลเจ้าที่ (ตี่จู้เอี๊ยะ) หรือหิ้งบรรพบุรุษ ของไหว้ในวันไหว้บะจ่าง มีดังนี้
- บะจ่าง: ใช้จำนวนคู่ (2, 4, 6, หรือ 8 ลูก) โดยไม่ต้องแกะห่อ อาจรวมถึง กีจ่าง (ข้าวเหนียวสามเหลี่ยมสำหรับไหว้เจ้าแม่กวนอิม)
- ผลไม้มงคล 5 อย่าง: เช่น ส้ม (ความร่ำรวย), แอปเปิ้ลแดง (สันติสุข), สาลี่ (โชคลาภ), แก้วมังกร (ความเจริญ), และกล้วยหอม (ความอุดมสมบูรณ์)
- น้ำชา 5 ถ้วย: แทนการเซ่นไหว้ด้วยความเคารพ
- ธูป: ใช้ 3 หรือ 5 ดอก โดยธูป 5 ดอกสื่อถึงการระลึกถึงพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงหลัก 5 ธาตุ (ดิน, ทอง, น้ำ, ไม้, ไฟ)
หลังการไหว้ ชาวจีนมักนำบะจ่างไปชุบน้ำตาลทรายขาวหรือแดงเพื่อรับประทาน ซึ่งเชื่อว่านำมาซึ่งความเป็นมงคล
กิจกรรมในเทศกาลไหว้บะจ่าง
นอกจากการไหว้บะจ่าง เทศกาลนี้ยังมีกิจกรรมที่โดดเด่นสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และความสามัคคี โดยเฉพาะในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า และชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงรำลึกถึงชวีหยวน แต่ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาร่วมเฉลิมฉลอง
การแข่งเรือมังกร
การแข่งเรือมังกรเป็นไฮไลต์ของเทศกาลไหว้บะจ่าง มีรากฐานจากตำนานเมื่อชาวบ้านพายเรือในแม่น้ำมี่หลัวเพื่อค้นหาศพของชวีหยวน (Qu Yuan) นอกจากนี้ ชาวไป่เยว่ (百越族) ในภูมิภาคหลิงหนาน (Lingnan) ของจีนโบราณใช้เรือมังกรเพื่อบูชาเทพเจ้ามังกรแห่งน้ำ เชื่อว่าน้ำที่ผ่านใบพายเรือมังกรนำความเป็นสิริมงคลและขจัดโชคร้าย
การแข่งขันนี้มีประวัติยาวนานกว่าพันปี แต่รูปแบบสมัยใหม่เริ่มขึ้นในฮ่องกงเมื่อปี 1976 เมื่อจัดการแข่งขันนานาชาติครั้งแรก โดยมี 9 ทีมท้องถิ่นแข่งกับทีมจากญี่ปุ่น การแข่งขันนี้วางรากฐานให้กีฬาเรือมังกรเป็นที่รู้จักในระดับสากล และกลายเป็นกีฬายอดนิยมที่ดึงดูดผู้เข้าร่วมและผู้ชมจากทั่วโลก
สถานที่จัดการแข่งขันที่สำคัญ ได้แก่
- จีน: แม่น้ำมี่หลัวในมณฑลหูหนานเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จัดแข่งเพื่อรำลึกถึงชวีหยวน พร้อมพิธีปลุกมังกรด้วยการแต้มตาเรือ ในเมืองใหญ่ เช่น กวางโจวและหางโจว จัดที่คลองหรือทะเลสาบ เช่น Xixi Wetland Park ซึ่งมีเรือมังกรประดับหัวและหางอย่างวิจิตร
- ฮ่องกง: งาน Hong Kong International Dragon Boat Races ที่อ่าววิคตอเรียเป็นงานระดับโลก ดึงดูดทีมท้องถิ่นและนานาชาติกว่า 100 ทีม ระยะแข่งขันแบ่งเป็น 500 เมตร (เรือมาตรฐาน 20 นักพาย) และ 200 เมตร (เรือขนาดเล็ก 12 นักพาย) ผู้ชมสามารถชมฟรีที่ริมน้ำ พร้อมชมเรือมังกรแบบดั้งเดิมที่จัดแสดงอย่างสวยงาม ซึ่งในปี 2568 นี้งานจะตรงกับวันที่ 7-8 มิถุนายน 2568 เวลา 08:00 น. - 18:00 น. คาดว่างานนี้จะคึกคักยิ่งขึ้นด้วยการแสดงดนตรีและอาหารท้องถิ่น
- ไต้หวัน: จัดที่แม่น้ำจีหลง (Keelung River) ในไทเป หรือทะเลสาบในเกาสงและไถหนาน มีการตีกลองและร้องเพลงเพื่อปลุกใจนักพาย
- มาเก๊า: จัดที่ Nam Van Lake มีทั้งการแข่งขันและงานรื่นเริงที่จำหน่ายบะจ่างและของที่ระลึก
การแข่งขันเน้นความสามัคคี โดยนักพายต้องเคลื่อนไหวพร้อมเพรียงตามจังหวะกลอง ซึ่งสะท้อนจิตวิญญาณของเทศกาล
เคล็ดลับการชม: จุดเริ่มต้นของการแข่ง โดยเฉพาะการพาย 5 ครั้งแรก เป็นช่วงที่แสดงพลังและความพร้อมเพรียงของทีมอย่างน่าประทับใจ หากไปฮ่องกง แนะนำให้ไปถึงอ่าววิคตอเรียแต่เช้าเพื่อจับจองที่นั่งดี ๆ และสัมผัสบรรยากาศคึกคัก
การตั้งไข่
การตั้งไข่ให้ยืนได้เป็นประเพณีที่มีเอกลักษณ์ในไต้หวัน โดยเฉพาะในช่วงเที่ยงของวันที่ 5 เดือน 5 ซึ่งเชื่อว่าเป็นเวลาที่พลังหยางถึงจุดสูงสุด ความเชื่อนี้มาจากแนวคิดว่า หากสามารถตั้งไข่ได้ตรงเวลาตอนเที่ยงวันของวันนั้น เชื่อว่าจะได้รับโชคลาภตลอดทั้งปี
ในไต้หวัน ครอบครัว โรงเรียน และชุมชนมักจัดกิจกรรมนี้ โดยใช้ไข่ไก่สดหรือไข่เป็ด ผู้เข้าร่วมจะพยายามวางไข่ให้ยืนบนพื้นเรียบ เช่น โต๊ะไม้ โดยไม่ล้ม บางเมือง เช่น ไทเปหรือไถหนาน จัดการแข่งขันตั้งไข่ในสวนสาธารณะหรือวัด พร้อมรางวัลสำหรับผู้ที่ทำได้เร็วที่สุดหรือนานที่สุด กิจกรรมนี้เป็นที่นิยมในหมู่เด็ก ๆ ซึ่งช่วยสอนความอดทนและความหมายของเทศกาลผ่านการเล่นที่สนุกสนาน
ในจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น มณฑลฝูเจี้ยนและกวางตุ้ง ชุมชนที่รักษาประเพณีโบราณก็มีการตั้งไข่ โดยมักทำในครัวเรือนหรือวัดท้องถิ่น ในฮ่องกงและมาเก๊า กิจกรรมนี้อาจพบในโรงเรียนหรือศูนย์วัฒนธรรมที่จัดงานเทศกาล ในประเทศไทย ชาวไทยเชื้อสายจีนบางครอบครัว โดยเฉพาะที่มีรากเหง้าจากไต้หวันหรือฝูเจี้ยน เช่น ในย่านเยาวราช อาจลองตั้งไข่ในบ้านหรือจัดเป็นกิจกรรมในชุมชนเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ประเพณี
การแขวนถุงหอม
การแขวนถุงหอม (หรือถุงสมุนไพร) เป็นประเพณีที่สืบทอดจากความเชื่อในการป้องกันโรคระบาดและขจัดสิ่งชั่วร้ายในช่วงฤดูร้อน ซึ่งวันที่ 5 เดือน 5 ถือเป็น วันร้าย ที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเนื่องจากอากาศร้อนชื้น ถุงหอมทำจากผ้าสีสันสดใส เช่น สีแดงหรือเหลือง ซึ่งเป็นสีมงคล มักมีรูปทรงสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยม ข้างในบรรจุสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม เช่น ว่านน้ำ (ชางผู), อ้ายเฮา, ขิงแห้ง หรือใบหนอนตายยาก ซึ่งช่วยขับไล่ยุง ป้องกันแมลง
ในจีน โดยเฉพาะในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง ชาวบ้านจะเย็บถุงหอมด้วยมือและแขวนไว้ที่ประตูบ้าน หน้าต่าง หรือผูกที่เอวเด็ก ๆ เพื่อปกป้องจากโรคภัยและวิญญาณร้าย
ในสมัยโบราณ ถุงหอมยังเป็นเครื่องรางที่เชื่อว่าสามารถขับไล่สิ่งอัปมงคลได้ ในฮ่องกง ถุงหอมมักจำหน่ายในงานเทศกาลหรือวัด เช่น วัดหว่องไท่ซิน โดยมีการปักลวดลายมงคล เช่น มังกร ดอกบัว หรืออักษรจีนที่สื่อถึงโชคลาภ ในมาเก๊า ถุงหอมเป็นของที่ระลึกยอดนิยมในงานรื่นเริงที่ Nam Van Lake
ในไต้หวัน ถุงหอมเป็นของขวัญยอดนิยมในช่วงเทศกาล โดยผู้ปกครองมอบให้เด็ก ๆ เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพดี ศูนย์วัฒนธรรมหรือโรงเรียนมักจัดเวิร์กช็อปให้ครอบครัวมาทำถุงหอมด้วยตัวเอง ซึ่งช่วยสานสัมพันธ์และสืบสานประเพณี
ในประเทศไทย ชาวไทยเชื้อสายจีนในเยาวราช ตลาดน้อย หรือจังหวัดที่มีวัดจีน เช่น ภูเก็ตและนครสวรรค์ อาจแขวนถุงหอมที่หน้าบ้าน ในรถยนต์ หรือมอบเป็นของขวัญในช่วงเทศกาล สมุนไพรที่ใช้มักผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ใบมะกรูด ตะไคร้ หรือกานพลู ซึ่งเพิ่มกลิ่นหอมแบบไทยให้กับประเพณีจีน ในบางครัวเรือน ถุงหอมยังถูกออกแบบให้ทันสมัย เช่น ทำเป็นพวงกุญแจหรือเครื่องประดับ
เคล็ดลับการทำถุงหอม: เลือกผ้าสีแดงหรือเหลืองเพื่อความเป็นมงคล ใส่สมุนไพรที่มีกลิ่นแรง เช่น ว่านน้ำหรือตะไคร้ และมัดด้วยเชือกสีแดง สำหรับเด็ก อาจเพิ่มลูกปัดหรือระฆังเล็ก ๆ เพื่อความน่ารักและเสียงที่เป็นมงคล
ความสำคัญของเทศกาลไหว้บะจ่างในยุคปัจจุบัน
ในอดีต เทศกาลไหว้บะจ่างเน้นการรำลึกถึงชวีหยวนและการเซ่นไหว้เทพเจ้า แต่ในปัจจุบัน พิธีกรรมบางอย่างลดลงตามความเจริญของเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ชาวจีนสมัยใหม่มักมองเทศกาลนี้เป็นโอกาสในการรวมครอบครัว รับประทานบะจ่าง และเฉลิมฉลองวัฒนธรรมท้องถิ่น บะจ่างเองก็มีการพัฒนารูปแบบและรสชาติ เช่น บะจ่างสูตรกวางตุ้งทรงสี่เหลี่ยม หรือบะจ่างไส้หวานที่ทันสมัย
ในประเทศไทย เทศกาลไหว้บะจ่างอาจไม่แพร่หลายเท่าตรุษจีนหรือเชงเม้ง แต่ชาวไทยเชื้อสายจีนยังคงสืบสานประเพณีนี้ โดยเฉพาะในชุมชนจีน เช่น ตลาดน้อยหรือเยาวราช ซึ่งมีการขายบะจ่างสูตรดั้งเดิมและสูตรประยุกต์ในวันไหว้บะจ่าง
สรุปส่งท้าย
บะจ่าง ไม่ใช่แค่อาหาร แต่เป็นสัญลักษณ์ของความกตัญญู ความสามัคคี และภูมิปัญญาการถนอมอาหารของชาวจีน เทศกาลไหว้บะจ่าง สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตำนานของชวีหยวน และความเชื่อมงคลที่สร้างสมดุลให้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการไหว้บรรพบุรุษหรือแบ่งปันบะจ่างกับครอบครัว เทศกาลนี้ยังคงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าและสืบทอดทั่วโลก
หมายเหตุ: เทศกาลไหว้บะจ่าง 2568 ซึ่งจะตรงกับวันที่ 31 พ.ค. 2568 นี้สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อบะจ่าง สามารถสั่งซื้อบะจ่างสูตรต้นตำรับ (รสเค็ม) ได้จากเราฮั่วเซ่งฮง กับ โปรโมชั่นเทศกาลไหว้บะจ่าง ซื้อ 10 ฟรี 1